การเชิดหุ่นกระบอกยึดถือวิธีเชิดโดยดัดแปลงมาจากการแสดงละครรำ แบบละครนอก กล่าวคือผู้เชิดจะเชิดหุ่นมีท่าทางการร่ายรำแบบละครรำแต่แสดงให้ผู้ชมเห็นเพียงครึ่งตัวเท่านั้น ส่วนล่างของตัวหุ่นนั้นใช้ฉากบังไว้ไม่ให้ผู้ชมเห็นเพราะเป็นแกนกระบอกไม้ไผ่ที่ต้องใช้มือถือสำหรับ

เชิด ฉะนั้นผู้ชมจะเห็นท่ารำของหุ่นเพียงแค่ส่วนมือ และลำตัวของหุ่นเท่านั้นอนึ่งผู้เชิดจะเป็นผู้เจรจา และในบางครั้งก็ขับร้องแทนตัวหุ่นที่ตนกำลังเชิดอยู่นั้นด้วยบทที่ผู้เชิดมักจะต้องขับร้องเอง เมื่อเชิดหุ่นตัวใดมีบทบาทอย่างไร ผู้เชิดก็จะขับร้องและเจรจาตามบทบาทของหุ่นตัวนั้น
...................................................................................................................

Performing the puppet is not an easy task. The pupeteer moves his body as if he is dancing while holding the puppet and dubbing for each figure. During the show, only the puppet's upper half is seen by audience, while the lower part which is attached to the bamboo core is hidden.

 
 

...................................................................................................................
วิธีการเชิดหุ่นของแต่ละสำนัก แม้จะดูคล้ายกัน แต่ถ้าสังเกตให้ดีแต่ละสำนักก็จะมีการเชิดหุ่นที่เป็นเอกลักษณ์ของตัวเอง เช่น

หุ่นคณะนายวิง ญาติผู้พี่ของนายเปียก ประเสริฐกุล หุ่นคณะนี้จะเชิดด้วยมือขวา โดยใช้มือขวาจับไม้กระบอก แกนลำตัวของหุ่น และใช้มือซ้ายจับตะเกียบ ซึ่งต่างจากการเชิดหุ่นโดยทั่วไปที่ใช้มือซ้ายจับไม้กระบอกและมือขวาจับตะเกียบ

หุ่นของครูชื้น สกุลแก้ว บุตรีนายเปียก ประเสริฐกุล มักจะให้ผู้หัดเชิดหุ่นหาถ้วยวางไว้ที่พื้นตรงกับตัวหุ่นที่ผู้เชิดจับอยู่ เพื่อระวังบังคับไม่ให้หุ่นโยกออกไปไกลรัศมี ด้วยการบังคับด้วยถ้วยนี้ถือว่าหุ่นต้องยืนรำหรือนั่งรำอยู่บนเตียงอย่างละคร ไม่ได้วิ่งรำไปมาหากผู้เชิดไม่บังคับศูนย์การประคองตัวหุ่นเสียแต่แรก ตัวหุ่นจะโยกไปมาเหมือนคนเมา

หุ่นนายจักรพันธุ์ โปษยกฤต นับเป็นหุ่นที่มีชื่อเสียงมากในปัจจุบัน เพราะนายจักรพันธุ์เป็นบุคคลที่มีผลงานที่ได้รับการยกย่องในวงการศิลบะจนได้รับการประกาศยกย่องเชิดชูเกียรติให้เป็นศิลปินแห่งชาติเป็นผู้ที่มีความสนใจการประดิษฐ์และการเชิดหุ่นกระบอกอย่างจริงจังโดยได้รับการถ่ายทอดวิชาการเชิดหุ่นจากคุณครูชื้น สกุลแก้ว และจากคุณครูวงษ์ รวมสุข หุ่นกระบอกของนายจักรพันธ์จะมีความสวยงามวิจิตรบรรจงหุ่นกระบอกคณะนี้แสดงครั้งแรกเมื่อปี พ.ศ. ๒๕๑๘ และมีชื่อเสียงโด่งดังมานับตั้งแต่บัดนั้น ฯลฯ

อย่างไรก็ตาม หุ่นกระบอกเป็นเพียงตัวหุ่นจำลองไม่ใช่โขนละครที่แสดงด้วยคนจริงๆ ศิลปะในการเชิดจึงต้องทำท่าให้ง่ายเข้า แต่ยังคงเน้นที่อารมณ์ บทบาท และการร่ายรำ อันเป็นท่วงท่าและลักษณะเฉพาะของหุ่น
...................................................................................................................

In overall manner, it seems that all performing troupes have similar ways of performing, but whin closely observed we can notice that each troupe has unique performing style. Following are examples of how different troupes employ their idiosymcratic ways of performance.

For the Nai Wing troupe, it is noted that each of puppeteers holds the puppet with his right hand and the stick with the left hand while other troupes do the reverse.

In the troupe led by Master Chuen Sakulkaew, all beginning puppeteers are demanded at the early stage of training to hold the puppet by centering the bamboo core (as a handle) in a bowl. In this way, puppeteers would be able to control the movement of puppet in the way they want.

For national artist Chakkrabhand Posayakrit, he incorporates different posture or movements from various masters (e.g., Master Chuen Sakulkaew and Master Wong Ruamsuk) into his own ways of puppet playing. As a puppeteer, Chakkrabhand is famous for performing key characters in Ramakien, including Phra Ram, Sida, and Benchakuy.

In sum, Hun Krabok performance is not paralleled to mask dance and theater in the sense that it is only a puppet show, not a show performed by real human beings. However, Hun Krabok is regarded as a high art form for it emphasizes the expression of moods, actions, and dance styles.